การคัดเลือกและการคัดทิ้ง (Seiection
& Culling)
การคัดเลือกเป็นการคัดสัตว์ที่มีลักษณะเหมาะเป็นพ่อแม่พันธุ์พันธุ์
และต้องมีค่าเฉลี่ย(ลักษณะ)สูงกว่าในฝูง เลือกสัตว์ที่มีสุขภาพที่ดี((เริ่มต้น)
เริ่มดู เช่น ขนเงางาม ผิวหนังเรียบ เคลื่อนไหวว่องไว ไม่มีลักษณะที่แสดงออกถึงการเป็นอัมพาตหรือกระดูกอ่อน
ระบบการหายใจเป็นปกติ ต้องไม่มีลักษณะที่ผิดปกติจากธรรมชาติ แววตามีแววสดใส
และสัตว์ต้องมีพฤติกรรมอยากกินอาหาร
ลักษณะที่ใช้พิจารณาในการคัดเลือก ต้อง
มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและลักษณะนั้นควรมีความสามารถในการถ่ายทอดทางพันธุ์
กรรมสูงโดยวัดเป็นค่าอัตราการถ่ายทอดทางพันธุกรรม(Heritability,h)ค่านี้จะ
ชี้บ่งบอกว่าถูกควบคุมโดยพันธุกรรมหรือสิ่งแวดล้อม
ลักษณะที่มีค่า h
ต่ำปรับปรุงได้โดยใการจัดการสิ่งแวดล้อมแต่ก็ดีได้เฉพาะสิ่งแวดล้อมนั้น
ๆ
ลักษณะที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
- อัตราการเจริญเติบโต (Growth Rate) การเพิ่มน้ำหนักตัวต่อวัน (Arerage Daily Gain,ADG) ดูจากว่าน้ำหนัก เริ่มต้นเท่าไร และสิ้นสุดเท่าไร หาได้จาก น้ำหนักสิ้นสุด - น้ำหนักเริ่มต้น /ระยะเวลา มีผลต่อค่าอัตราทางพันธุ์กรรมระดับปานกลาง
- ความหนาของไขมันสันหลัง (Backfat Thickense)ไขมัน ของสุกรต่อเนื้อแดงบอกถึงคุณภาพของสุกร ไขมันบริเวณสันหลังนี้มีมากที่สุด ไขมันที่นี้มีมากจะบ่งบอกว่าสุกรมีไขมันมาก และจะมีเนื้อแดงน้อย ลักษณะนี้มีอัตราการถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมสูง การวัดสามารถวัดได้โดยใช้เครื่องมือวัดไขมันสันหลัง หรืออาจใช้ไม่บรรทัดเหล็ก จะมีคลิปที่เลื่อนได้ขนาดกว้าง 1 ซ.ม. ยาวประมาณ 5 - 6 นิ้ว ที่เห็นมากจะวัดบริเวณไหล่ หลัง และกระดูกบั้นท้าย (กระดูกซี่โครงซี่แรก ,กระดูกซี่โครงซี่สุดท้าย และกระดูกบั้นท้ายท่อนสุดท้ายอยู่ประมาณกลางโคนหาง)จะวัดห่างจากเส้นกลาง หลัง 1 นิ้ว แล้วนำทั้ง3 ค่าที่ได้มาเฉลี่ยกัน ค่าที่ได้ไม่ควรเกิน 1.5 ซ.ม.สุกรที่ใช้ทำพันธุ์ควรมีความหนาของไขมันไขสันหลังไม่เกิน 2 ซ.ม. ที่น้ำหนัก 90 กก และอีกวิธีในการวัดคือการวัดเพียงจุดเดียวจะวัดที่กระดูกซี่โครงซี่สุดท้าย ห่างจากเส้นกลางหลัง 6.5 ซม.จะแม่นยำและใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เนื้อแดงส่วนมากจะอยู่ที่ไหล่ กลางหลัง และสะโพก พื้นที่หน้าตัดเนื้อแดง(Loin-Eye Area)จะมาก จะวัดตรงซี่โครงซี่ที่ 10 กับ 11 วิธีการแก้ทีจะให้มีไขมันสันหลังน้อยก็คือการเลือกพ่อพันธุ์ที่มีไขมัน สันหลังน้อย และสุกรที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงจะมีไขมันมาก
การเจริญเติบโตมีผลต่อทุนต่าง ๆ
ดังนี้
- ทุนคงที่ ดอกเบี้ยต่าง ๆ ,ค่าที่ดิน,ค่าอุปกรณ์ ฯลฯ
- ทุนหมุนเวียน โรงเรือน
- ประสิทธิภาพการใช้อาหาร(Feed Efficiency) วัดออกมากในการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักตัว (FCR,Feed ConVersion Ratio)หรือ (F/G, Feed/Gain) สัตว์ที่คุณภาพดีจะต้องมี FCR or F/G ต่ำ G/F(Gain/Feed)เป็นน้ำหนักที่เพิ่มต่ออาหาร 1 กิโลกรัม แต่ G/F จะมีค่าสูงจึงจะมีประสิทธิภาพดี มีอัตราการถ่ายทอดทางพันธุกรรมปานกลางประสิทธิภาพการใช้อาหารดีเมื่อเจริญ เติบโตเร็ว เน้นเพศผู้
- ลักษณะซาก (Carcass Traites) ลักษณะของเนื้อที่มีน้ำไหลออกมา สีซีด เนื้อนิ่ม เรียกเนื้อ PSE (Pale Soft Exusate) เนื้อแห้ง สีคล้ำ ๆ เรียกเนื้อ DFD (Dark Firm Dry) ดูลักษณะที่สำคัญ สีสัน อัตราเนื้อแดง ความนุ่มความเหนียว (น้อยมากสำหรับการเลือกดู)เพราะการปรุงอาหารอาจทำให้ความเหนียวนุ่ม และองค์ประกอบทางเคมี ของเนื้อ เปลี่ยนแปลงไป ลักษณะซากเน้นมากในสุกรเพศผู้ อัตราการถ่ายทอดทางพันธุกรรมสูงมาก
- ลักษณะผลผลิตของแม่สุกร (Sow Productivity) ดูขนาดคอกเล็กหรือใหญ่ น้ำหนักของลูกสุกรเมื่อหย่านม ขนาดคอกของลูกสุกรเมื่อหย่านม มีค่าอัตราการถ่ายทอดทางพันธุกรรมต่ำ ลักษณะเหล่านี้สิ่งที่เข้าไปมีผลมากคือการผสมพันธุ์ว่าดีขนาดไหน ตั้งท้องเลี้ยงดูดีขนาดไหน การจัดการภายในฟาร์ม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
- รูปทรงลักษณะ (Conformation) เป็นลักษณะภายนอก เช่น มีความสมดุล ดูแล้วงาม สมเป็นสุกร แต่ไม่ต้องให้ความสำคัญมาก
- ลักษณะความไม่สมบูรณ์ (Unsowndness) เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นมีผลให้การสืบพันธุ์ไม่ดี การให้ผลผลิตต่ำ จะมีลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ความผิดปกติ เช่นไส้เลื่อน (Hernia) หัวนมบอด (Blind Teats) ลักษณะที่เรียกอัณฑะทองแดง (Cryptcchidirm)ฯลฯ
การคัดเลือกพันธุ์ (Selection of Breed)
ขั้นตอนการคัดเลือกพันธุ์(Selection Procesures) สิ่งที่ผู้คัดเลือกต้องทราบพื้นฐานที่ใช้ในการคัดเลือก
1. ความสามารถของสัตว์ที่แสดงออกมา (Performance Testing)
2. การใช้พันธุ์ประวัติ (Pedeqree Selection) วิธีที่ใช้ในการคัดเลือก(Methods
of Selection)
- การคัดเลือกแต่ลักษณะ (Tandem Methods) เลือกเพียงลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ไม่ใช้วิธีนี้มากนักเพราะการคัดเลือกใช้เวลานานจนกว่าจะได้ลักษณะตามที่ต้องการ และอาจทำให้บางลักษณะสูญเสียไป เพราะใช้เวลานาน
- การคัดเลือกที่มีลักษณะตั้งแต่ 2 ลักษณะขึ้น (Independent Culling Level) โดยที่แต่ละลักษณะเป็นอิสระต่อกัน
3. การใช้ดรรชนีการคัดเลือก (Selection Index)
เป็นการคัดเลือกโดยมีหลายลักษณะร่วมกัน
ต่างจากข้อ 2 คือ ให้ค่าความสำคัญของลักษณะแต่ละลักษณะไม่เท่ากัน
ในการสร้างดรรชนีการคัดเลือกจะดูค่าอัตราทางพันธุกรรมถ่ายทอดดีขนาดไหน
คุณค่าความของแต่ละลักษณะ
ความสัมพันธ์ระหว่างจีโนไทป์กับฟีโนไทป์นำสิ่งต่าง
ๆ เหล่านี้รวมกันเพื่อสร้างสมการของดัชนีการคัดเลือก เช่น
SeIection Index = 240 + [0.110 * ADG(g)] - [50 * FCR]
- [19.7 * BE (cm.)]
ADG = อัตราการเจริญเฉลี่ยต่อวัน
FCR = อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อ
BE = ความหนาของไขมันสันหลัง
ตัวที่มีค่าดรรชนีการคัดเลือกสูงจะเลือกทำพันธุ์ วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมกันมากที่สุดในการคัดเลือกพันธุ์(คัดเลือกโดยนึกถึง เศรษฐกิจ)
FCR = อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อ
BE = ความหนาของไขมันสันหลัง
ตัวที่มีค่าดรรชนีการคัดเลือกสูงจะเลือกทำพันธุ์ วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมกันมากที่สุดในการคัดเลือกพันธุ์(คัดเลือกโดยนึกถึง เศรษฐกิจ)
การคัดเลือกพ่อพันธุ์ (Selecting the
Boar) จะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้น เพราะช่วงเวลาหนึ่ง ๆ พ่อพันธุ์จะมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาก
พ่อพันธุ์จะกระจายพันธุ์กรรมได้ดีกว่าแม่พันธุ์ การจะคัดเลือกไว้ต้องอาศัยหลักความสำคัญทางเศรษฐกิจ
และความจำเป็นประกอบอีก เช่น
- ความแข็งแรงของเท้าและข้อเท้าหลัง โดยเฉพาะเท้าหลังที่ต้องรับน้ำหนักมากกว่าขาหน้า ในเวลาการขึ้นผสมพันธุ์
- ขนาดของอัณฑะ รูปร่าง เป็นอย่างไร ขนาดของอัณฑะจะมีความสำคัญต่อการสร้างน้ำเชื้อ เลือกขนาดที่มีอัณฑะใหญ่ และทั้งสองข้างของอัณฑะให้มีขนาดใกล้เคียงกันแต่ส่วนมากข้างซ้ายจะใหญ่กว่าข้างขวาเล็กน้อย
- ความแข็งแรงของสันหลัง เลือกที่หลังตรงหรือโค้งเล็กน้อย(โค้งงอ)
- ความยาวของลำตัว ลำตัวสั้นจะขึ้นขี่เพศเมียยากจะเสียเปรียบตัวที่มีลำตัวยาว
- หัวนมบอดหรือหัวนมกลับ เพราะจะมีส่วนสำคัญต่อเพศเมียที่ใช้น้ำนมในการเลี้ยงลูกสำหรับที่นำลูกมาทำพันธุ์ เพราะลักษณะนี้สามารถถ่ายทอดสู่ลูกได้ ลักษณะนี้เป็นลักษณะย่อยที่ประกอบเข้ามา
การคัดทิ้งพ่อพันธุ์ (Culling Boars)
ลักษณะของพ่อพันธุ์ที่เฉื่อยต่อการผสมพันธุ์จำเป็นต้องคัดทิ้งถึงลักษณะจะดี
การใช้งานพ่อสุกรไม่คำนึงถึงอายุตราบใดที่พ่อสุกรนั้นยังสามารถใช้ในการสืบพันธุ์ได้อยู่
สาเหตุที่ถูกคัดทิ้ง เช่น
- พ่อพันธุ์ไม่มีลักษณะตามมาตรฐานที่ เรากำหนดไว้ เช่นรูปร่างดี แต่สร้างน้ำเชื้อคุณภาพไม่ดี สร้างตัวอสุจิน้อยเกินไป หรือมีตัวอสุจิไม่สมประกอบมากเกินไป
- พ่อพันธุ์มีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียว ดุร้าย อาจเป็นอันตรายต่อคนเลี้ยงได้
- พ่อพันธุ์มีน้ำหนักตัวมากเกินไป เพราะอาจทำให้แม่สุกรสาวรับน้ำหนักไม่ได้ตอนผสมพันธุ์ แต่ลักษณะนี้อนุโลมได้ในการรีดน้ำเชื้อผสมเทียม
- พ่อพันธุ์อาจเป็นหมัน อาจจะได้รับเชื้อโรคขณะผสมพันธุ์แล้วทำให้เป็นหมัน
- พ่อสุกรเป็นโรคหรือพาหะของการเกิดโรค โดนเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการสืบพันธุ์ เช่น โรคแท้งลูก
- สุกรไม่แสดงถึงลักษณะความเป็นเพศผู้ หรือระบบสืบพันธุ์เพศผู้พัฒนาช้าจึงมีการแสดงออกมาช้า
การคัดเลือกสุกรสาวทดแทน การเข้มงวดในการคัดเลือกนั้นจะมีน้อยกว่าการคัดเลือกพ่อพันธุ์
ความก้าวหน้าในการปรับปรุงสุกรเพศเมียมีน้อยกว่าสุกรเพศผู้ การคัดเลือกสุกรสาวต้องอาศัยลักษณะที่สำคัญทางเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะความสามารถในการสืบพันธุ์ในเพศเมีย และลักษณะที่ประกอบในการคัดเลือก
คือ
- ลักษณะของเต้านม ควรมีไม่น้อยกว่า 6 คู่ และขนาดควรมีความสม่ำเสมอ ไม่ควรมีหัวนมกลับหรือหัวนมบอด ทั้งนี้เพราะไม่สามารถให้น้ำนมได้ จำนวนเต้ามีความสำคัญต่อการสืบพันธุ์และการเลี้ยงลูก จำนวนและลักษณะของเต้าสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หัวนมจะต้องไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป เต้านมจะสร้างน้ำนมไม่เท่ากัน โดยที่ด้านหน้าจะสร้างน้ำนมได้ดีกว่าเต้านมที่อยู่ด้านหลัง
- ความยาวลำตัวของแม่สุกรสาว ถ้ามีความยาวมากเต้านมจะมีพื้นที่ในการพัฒนามากขึ้น
- ความแข็งแรงของขาและข้อเท้า เนื่องจากมีช่วงชีวิตที่ยาวนานกว่าสุกรขุน และในช่วงอุ้มท้องแม่สุกรจะมีน้ำหนักมากขึ้นโดยเฉพาะเท้าหลัง แม่สุกรจะเพิ่มน้ำหนัก 15 - 20 กิโลกรัม สำหรับช่วงตั้งท้องทำให้ขาต้องรับน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ถ้าช่วงขาอ่อนอาจจะทำให้ช่วงท้องและเต้านมสัมผัสกับพื้นทำให้เป็นแผลและได้ รับไข่พยาธิจากพื้นอาจทำให้ลูกสุกรได้รับพยาธิด้วย
- ลักษณะหลังตรงแข็งแรง หรือหลังโค้งเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยป้องกันเต้านมและช่วงท้องสัมผัสพื้น ถ้าหลังไม่แข็งแรงจะทำให้มีปัญหาตอนพ่อพันธุ์ขึ้นทับเพื่อผสมพันธุ์
การคัดทิ้งสุกรสาวและแม่สุกร(Culling Gilts
And Sows)
- สุกรสาวที่จะใช้เป็นแม่พันธุ์จะถูกคัดทิ้งตั้งแต่ก่อนให้ลูก 10 - 12 % เพราะไม่แสดงอาการเป็นสัด หรือผสมไม่ติด(ควรผสม 2 ครั้งของการเป็นสัด)
- การคัดทิ้งของของแม่สุกรที่ให้ลูกแล้วมีประมาณ 15 % เนื่องจากไม่สามารถจะรับการผสมพันธุ์ใหม่ได้ เช่น ช่องคลอดเล็กเกินไปคลอดยาก ให้ลูกคอกเล็ก มดลูกอักเสบรักษาไม่หาย หรือมีปัญหาเกี่ยวกับข้อเท้า
- การให้ลูกคอกที่ 3 - 5 จะให้ลูกได้ดีที่สุดเพราะร่างกายแม่สุกรเจริญเติบโตเต็มที่ การพิจารณาจะคัดทิ้งหรือไม่จะพิจารณาคอกต่อสุกร แม่สุกรให้ลูกสุกร 4 คอก แล้วถ้าให้ลูกไม่ดีก็ควรคัดทิ้ง เพราะเริ่มที่จะมีอายุมาก
- ขนาดและคุณภาพของลูกสุกรเมื่อหย่านมจะนำมาวัดว่าควรที่จะนำแม่สุกรเป็นพันธุ์ต่อไปหรือไม่
- สิ่งที่จะพิจารณาอีกก็คือ ขนาดคอกแรกเกิด น้ำหนักตัวแรกเกิด ขนาดของคอกเมื่อหย่านม น้ำหนักตัวเมื่อหย่านม ลูกสุกรในสัปดาห์ที่ 3 จะเหมาะในการนำมาพิจารณาด้วย เพราะช่วง สัปดาห์ที่2 แม่สุกรจะให้น้ำนมมากที่สุดแล้วจะเริ่มลดลงเมื่อสัปดาห์ที่3 ความสามารถในการให้นมของแม่สุกรจะวัดถึงความเป็นแม่สุกรที่ดี แม่สุกรจะให้ปริมาณน้ำนม 8 - 9 กิโลกรัม ต่อวัน สำหรับพันธุ์ที่ให้น้ำนมดี แต่ทั่วไปมักจะมี 6 - 7 กิโลกรัม ต่อวัน สำหรับการหย่านมแล้วมาเป็นสัดใหม่สุกรนางจะใช้เวลาสั้นกว่าสุกรสาว
0 comments:
Post a Comment