Sunday, April 28, 2013

หมูเลี้ยงธรรมชาติปลอดสารพิษ

สามพรานฟาร์ม หมูเลี้ยงธรรมชาติปลอดสารพิษ


สามพราน ฟาร์ม เป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายเนื้อสุกรมาตรฐานสูงซึ่งดำเนินการมานานกว่า ๓๐ ปีแล้ว เป็นเจ้าของสายพันธุ์สุกรของตัวเองถึง ๓ สายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์ “สามพรานฟาร์ม” ด้วย เดิมทีสามพรานฟาร์มก็เหมือนฟาร์มสุกรทั่วไป คือ เลี้ยงหมูแบบกั้นคอก ให้อาหารสำเร็จรูป และใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเรื่องปกติ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาจึงได้พบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำฟาร์มคือ สุขภาพความแข็งแรงของหมู ทว่า สภาพความเป็นอยู่อันแออัด ตลอดจนวิธีการเลี้ยงแบบเดิมๆ นั้นไม่ได้ช่วยส่งเสริมให้หมูสุขภาพดีเลย เปรียบเทียบง่ายๆ ว่าถ้าคนเราต้องอยู่ปะปนกันอย่างหนาแน่นในที่คับแคบ ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันหรือออกไปสัมผัสธรรมชาติ ร่างกายก็ย่อมจะอ่อนแอเป็นธรรมดา แถมสภาพจิตใจยังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าและเครียดด้วย.
 นี่เลยกลายเป็นที่มาที่ทำให้สามพรานฟาร์มเริ่มทบทวนว่าทำอย่างไรให้หมูแข็ง แรง ไม่เจ็บไม่ป่วย นั่นก็คือต้องสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติให้แก่หมู โดยคำนึงถึงเรื่องสวัสดิภาพของสัตว์ (Animal Wellfare) คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เป็นสำคัญ โดยศึกษาจากพฤติกรรมตามธรรมชาติของเจ้าหมูแล้วออกแบบที่อยู่อาศัยและการ เลี้ยงดูให้ตรงตามนั้น เพื่อให้หมูมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข แข็งแรง และอารมณ์ดี
 


ที่ฟาร์มของสามพรานฟาร์ม พื้นที่ส่วนใหญ่คือทุ่งหญ้ากว้างไกล สำหรับให้หมูออกมาวิ่งเล่นออกกำลังกาย สัมผัสกับสายลมแสงแดด และกินหญ้าสดๆ ด้านหนึ่งเป็นบ่อน้ำตื้นๆ ขนาดย่อมไว้ให้เจ้าหมูนอนแช่ระบายความร้อนสำราญใจ และอีกส่วนหนึ่งเป็นคอกปูนสำหรับเป็นที่หลับนอน กินอาหาร และหลบแดดหลบฝน ตลอดทั้งชีวิตของหมูน้อยในฟาร์มแห่งนี้เขาสามารถเลือกที่จะกิน เดิน วิ่งเล่น นอน เมื่อไรอย่างไรก็ได้ตามอัธยาศัย ไม่มีใครมาบังคับว่าต้องทำอะไรเวลาไหน มีแต่เพียงเจ้าหน้าที่ที่จะคอยสอดส่องดูแลหมูอยู่ห่างๆ ด้วยความเอาใจใส่ เมื่อใดที่มีหมูเริ่มป่วย หมูตัวนั้นจะถูกกันออกไปไว้ที่คอกพักหมูป่วย ถ้าต้องให้ยาปฏิชีวนะจะมีการทำสัญลักษณ์ไว้เลยว่าหมูตัวนั้นผ่านการใช้ยามา แล้ว
 หมูเลี้ยงธรรมชาติจะได้กินอาหารธรรมชาติ คือหญ้าและสมุนไพร ได้รับไฟเบอร์จากผักใบเขียว นอกจากนี้ทางฟาร์มยังให้สมุนไพรผสมในอาหารให้หมูเป็นประจำ คือ ฟ้าทลายโจรและใบฝรั่ง เพื่อช่วยป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ และขมิ้นชัน เพื่อช่วยรักษาและป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีผลทำให้ลดกลิ่นคาวของเนื้อและเครื่องในของหมู
 การเลี้ยงหมูแบบธรรมชาติต้องอาศัยต้นทุนสูงกว่าปกติ นอกจากต้องมีพื้นที่ฟาร์มกว้างใหญ่แล้ว ระยะเวลาที่เลี้ยงหมูกว่าจะได้น้ำหนัก ๑๐๐ กิโลกรัม สำหรับส่งขายได้ก็ยังนานกว่าปกติด้วย เพราะหมูได้ออกกำลังน้ำหนักจึงขึ้นยาก ต้องใช้เวลาถึง ๕ เดือน ขณะที่หมูทั่วไปใช้เวลาเลี้ยงเพียง ๔ เดือนก็ได้ที่แล้ว
 และนอกจากหมูน้อยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว เมื่อถึงคราวต้องโดนเชือด ที่นี่ก็ใช้วิธีการอันละมุนละม่อมกว่าปกติ เมื่อหมูถูกส่งจากฟาร์มมาที่โรงชำแหละจะถูกนำมาพักในคอกพักที่สะอาดมีสเปรย์ น้ำเพื่อให้หมูเย็นสบายผ่อนคลายความเครียด กรรมวิธีการเชือดจะใช้การช็อตไฟฟ้าให้สลบเสียก่อน หมูไม่รู้ตัว จึงไม่ปล่อยฮอร์โมนความเครียดอะดรีนาลีนออกมา ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสารก่อมะเร็งสำหรับผู้ที่รับประทานเข้าไป
 

เนื้อหมูที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ ผ่านการชำแหละจากโรงเชือดระดับมาตรฐาน GMP และ HACCP เพื่อการส่งออก ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี ตลอดระยะเวลา ๕-๖ ปีที่เริ่มทำมา เพราะคุณภาพของเนื้อหมูมีความแตกต่างจากเนื้อหมูตลาดทั่วไป ทั้งความฉ่ำเนื้อ ความนุ่ม เส้นใยกล้ามเนื้อละเอียด เนื้อแน่น ปราศจากกลิ่นคาว และในเนื้อหมูยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นกับร่างกายสูงกว่าเนื้อหมูทั่วไป ขณะที่ระดับไขมันคอเลสเตอรอลต่ำกว่า มีผลการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลยืนยันชัดเจน
 หมูปลอดสารของสามพรานฟาร์ม มีราคาแพงกว่าหมูตามท้องตลาดประมาณ ๕-๑๐% เท่านั้นเอง นอกจากหมูสดแล้ว สามพรานฟาร์มยังแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วย เช่น ไส้กรอกรมควัน ซี่โครงบรั่นดี ไส้กรอกอีสาน และกุนเชียง ซึ่งขายดีที่สุด เพราะใช้เนื้อหมูสด ไม่ใช่เศษเนื้อ ไม่ใส่แป้ง แต่งสี และวัตถุกันเสีย    
 ผลิตภัณฑ์หมูปลอดสารของสามพรานฟาร์ม มีจำหน่ายที่ร้านค้าในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม (เลยฟาร์มจระเข้สามพรานมาเล็กน้อย) เปิดทุกวันเวลา ๕.๐๐-๑๘.๐๐ น. โทร.๐-๓๔๒๙-๒๐๗๙, ๐-๓๔๓๒-๑๕๙๕ และมีจำหน่ายที่ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ในนาม “Natural Meat”
เขียน : ภัทรพร อภิชิต
ภาพ : วีรวุฒ กังวานนวกุล

เทคนิคการเลี้ยงสุกรแบบไร้กลิ่น (หมูอินทรีย์)



                                     

                                                     เทคนิคการเลี้ยงสุกรแบบไร้กลิ่น (หมูอินทรีย์)

การเตรียมโรงเรือน

         โรงเรือนสุกรสร้างแบบง่ายๆ และประหยัด ทำเป็นแถวยาวด้านเดียว มีรางอาหารอยู่ด้านหน้า ก๊อกน้ำอัตโนมัติอยู่ด้านข้างรางอาหาร ก๊อกน้ำสูงจากพื้นคอกประมาณ 50 เซนติเมตร สุกรขุนต้องการพื้นที่ประมาณ 1.2 - 1.8 ตารางเมตร/ตัว
การสุขาภิบาล
          การจัดการเพื่อให้สัตว์อยู่สบาย ปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ การทำคอกให้สะอาด การให้อาหารที่ดี และการจัดการที่เป็นประโยชน์ต่อการผลิตสุกร
- ทำความสะอาดคอกสุกร ควรทำความสะอาดทุกวัน (โดยการกวาดแห้งด้วยไม้กวาด ตักมูลสุกรออก) และล้างคอกด้วยน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ควรล้างคอกด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเดือนละครั้ง (โดยใช้น้ำส้มควันไม้ 1 ลิตร/น้ำ 100 ลิตร) ทำบ่อเก็บมูลสุกรเพื่อป้องกันกลิ่นของเสียจากมูลสุกรไปรบกวนเพื่อนบ้าน

วิธีการป้องกันกำจัดกลิ่น และของเสียในฟาร์มสุกรของคุณจักกฤต
          เนื่องจากปัญหามลภาวะกลิ่นมูลสุกรจากฟาร์มสุกร ไปรบกวนชาวบ้านใกล้เคียงให้รำคาญ ตลอดจนการระบายน้ำเสียจากฟาร์มสุกรลงสู่แม่น้ำ จึงทำบ่อไอโอแก๊ส เพื่อเก็บมูลสุกร และนำพลังงานจากบ่อไอโอแก๊สซึ่งอยู่ในรูปของแก๊ส เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ไปใช้ประโยชชน์ในฟาร์มสุกร และนำแก๊สที่ได้ไปใช้ในการประกอบอาหาร และกกลูกสุกร และลูกไก่ได้อีกด้วย
          ใช้สารจุลินทรีย์ เช่น สารอี.เอ็ม ที่ทำเอง ราด พ่น ตางโรงเรือน ตามกองมูลสุกร หรือราดตามบ่อน้ำเสียที่รับรองมูลสุกร สารอี.เอ็ม จะช่วยในการลดกลิ่นในฟาร์มสุกร

การให้อาหาร 
จะใช้อาหารที่ทำเอง สูตรประหยัดต้นทุน ให้แบบเปียกวันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น
          สูตรอาหารทำเองของคุณจักกฤต
          วัตถุดิบ

               1. รำละเอียด   5  กิโลกรัม
               2. ปลายข้าว    2  กิโลกรัม (ถ้าไม่มีใช้มันเส้นแทนได้ ในอัตรส่วนเท่ากัน)
               3. อาหารสำเร็จรูป  1  กิโลกรัม
               4. กากปลาสดนำมาต้ม   5  กิโลกรัม
               5. เกลือ   3  กิโลกรัม
               6. หัวเชื้อ EM พอประมาณ
           วิธีทำ
               นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำเข้าเครื่องบด อาหารผสมที่ได้นำไปตากแดดให้แห้ง หรือจะให้กินแบบเปียกก็ได้
           ประโยชน์
               1. ช่วยประหยัดค่าอาหาร
               2. เป็นอาหารเอนกประสงค์ ใช้ได้กับสัตว์ทุกชนิด
               3. มีคุณค่าทางอาหารครบสมบูรณ์ ทำให้สัตว์โตเร็ว ภูมิคุ้มกันดี และมูลกลิ่นไม่เหม็น

ระยะเวลาในการเลี้ยง 
           ประมาณ 3 - 4 เดือน ก็สามารถจับขายได้

สนใจเทคนิควิธีการเลี้ยงสุกรแบบไร้กลิ่น และการทำเกษตรแบบประณีต พึ่งตนเอง สามารถเข้าไปศึกษาดูงานได้ที่ บ้านบะเค เลขที่ 231 ม. 10 ต.โพธิ์ทอง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด


ที่มา : www.rakbankerd.com

เรื่องหมู..หมู..


เงินลงทุน :  ค่าพันธุ์สุกรประมาณตัวละ 1,000 บาทขึ้นไป (ค่าโรงเรือน ค่าอาหาร ขึ้นอยู่กับสุกรที่เลี้ยง)
รายได้ :  ขึ้นอยู่กับจำนวนสุกรที่เลี้ยง
pik01
อุปกรณ์ :
* พันธุ์สุกร โรงเรือนหรือเล้า รางน้ำ รางอาหาร อาหารสุกร (เช่น ข้าวโพด ปลายข้าว ข้าวฟ่าง รำละเอียด  เป็นต้น)
* แหล่งจำหน่ายพันธุ์สุกร : สถานีบำรุงพันธุ์สัตว์ทุกแห่งของกรมปศุสัตว์
วิธีการดำเนินงาน :  พันธุ์สุกรที่นิยมเลี้ยงมี 3 พันธุ์ คือ ลาร์จไวท์ แลนด์เรซและดูรอก เริ่มจากซื้อลูกสุกรช่วงอายุที่หย่านมแล้ว คือ ประมาณ 28 วันขึ้นไป มาเลี้ยง เมื่อนำสุกรมาถึง  โรงเรือน ควรแยกสุกรใหม่เลี้ยงไว้ต่างหากจากสุกรเดิม ประมาณ 15 วัน เพื่อป้องกันการนำโรคมาติดต่อ แล้วฉีดวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์ โรคปากและเท้าเปื่อยให้สุกรใหม่
-    สุกรพ่อพันธุ์  นิยมเลี้ยงพันธุ์ลาร์จไวท์และดูรอก เมื่อน้ำหนัก 50 กิโลกรัม แยกเลี้ยง  ไว้คอกละ 1 ตัว ให้อาหารวันละ 1.5 กิโลกรัม  (ไม่ควรเลี้ยงให้มีน้ำหนักมากเกินไป) เพราะจะทำให้ใช้งานไม่ได้นานและผสมพันธุ์ยาก) เมื่ออายุ 6 เดือนครึ่ง หัดให้ผสมพันธุ์กับตัวเมีย  อายุ 8 เดือน จึงใช้เป็นพ่อพันธุ์
-    สุกรแม่พันธุ์ นิยมเลี้ยงพันธุ์ลาร์จไวท์และแลนด์เรซ ควรแยกเลี้ยงจากตัวผู้ เมื่อน้ำหนัก  50 กิโลกรัม  และเลี้ยงร่วมกันเฉพาะตัวเมียคอกละไม่เกิน 6 ตัว  เพื่อลดปัญหาไม่เป็นสัด (ไม่ควรเลี้ยงให้น้ำหนักมากเกินไป) สุกรตัวเมียจะเริ่มเป็นสัดเมื่ออายุประมาณ 5 เดือน  และเป็นครั้งต่อไปประมาณ 21 วัน/ครั้ง อาการที่สังเกตได้คือ เบื่ออาหาร อวัยวะเพศบวมแดง ปากช่องคลอดจะมีน้ำเมือกชุ่ม กระวนกระวายหรือซึม  เริ่มให้ผสมพันธุ์ควรมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 90  กิโลกรัม  (อายุประมาณ 8 เดือน)
การผสมพันธุ์ควรทำในเวลาเช้าหรือเวลาเย็น หลังจากผสมพันธุ์แล้ว 24 วัน หากแม่สุกรไม่เป็นสัดอีก แสดงว่าผสมพันธุ์ติดและอุ้มท้อง จึงควรระวังไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือน โดยแยกไปเลี้ยงเดี่ยวและอย่าให้แม่สุกรท้องผูกโดยผสมรำหรือผักสดให้กินทุก วัน   เมื่อแม่สุกรจะคลอดลูกจะนอนหายใจถี่มีเมือกและน้ำคล่ำไหลออกมา หลังจากนั้นจึงคลอด  ควรมีน้ำสะอาดตั้งไว้ให้ลูกสุกรกินตั้งแต่อายุได้ 2-3 วัน  เมื่ออายุ 5-7 วัน  ควรตั้งรางใส่อาหารให้หัดกิน อายุ 28-35 วัน  ให้ทำการหย่านมลูกสุกร  อายุ 42 วันถ่ายพยาธิ หลังจากนั้น 1-2 สัปดาห์ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์
pik02
-    การเลี้ยงสุกรขุน ควรเลี้ยงสุกรลูกผสมสองสายเลือดหรือสามสายเลือดเพราะเลี้ยงง่าย โตเร็วและแข็งแรงกว่าสุกรพันธุ์แท้ เลี้ยงจนอายุประมาณ 6 เดือน และน้ำหนักได้ตามความต้องการของตลาด จึงจำหน่าย
ข้อแนะนำ :
1.    ควรเลือกซื้อสุกรจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพราะจะได้ลูกจากพ่อแม่พันธุ์ที่ดี     มีการดูแลป้องกันโรคระบาด
2.    มีปัญหาด้านการเลี้ยงสุกร ขอคำปรึกษาได้ที่
-    กรมปศุสัตว์ พญาไท  กรุงเทพฯ  โทร. 02-653-4550-7 ต่อ 3241-2
-    สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด และอำเภอ